1. วิธีการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ vitabaum ควรเก็บอย่างไร?

  • โดยทั่วไปควรเก็บผลิตภัณฑ์ในอุณหภูมิห้อง การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ควรหลีกเลี่ยงการเก็บในบริเวณที่ร้อนจัด เย็นจัด บริเวณ
ที่มีความชื้น หรือแดดส่องถึง เช่น บนตู้เย็น บนไมโครเวฟ ริมหน้าต่าง เป็นต้น
  • Vitabaum เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิห้องไม่จำเป็นต้องแช่เย็น เพราะจะทำให้ผงวิตามินที่ปิดผนึกอยู่ในฝาอาจ
จับตัวกันเป็นก้อน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นภายในตู้เย็น (Vitabaum ไม่ได้ใช้สารเคมีเติมแต่งใด ๆ เพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้ผงจับตัวเป็นก้อน)

2. ถ้าหากหมุนฝาขวดผิดฝั่งจะเป็นอย่างไร?

  • หากเปิดผิดฝั่ง สามารถแก้ไขได้โดยการหมุนฝาขวดกลับตามเดิม แล้วเปิดตามวิธีการที่ถูกต้องตามลักษณะการออกแบบ
ของขวด คือหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อให้ผงวิตามินลงไปผสมกับของเหลว

3. Two Chamber System คืออะไร

  • ในยุโรป ภาชนะบรรจุที่มี Two Chamber System นี้ได้รับการพัฒนาและใช้สำหรับอาหารและยาหลายชนิด เพื่อเสริมข้อ
บกพร่องในการผลิตยารูปแบบเม็ดและของเหลว
  • Two Chamber System จะจัดเก็บวัตถุดิบที่มีรูปแบบที่แตกต่างกัน ไว้ในภาชนะสองชั้น (ฝาและขวด) และผสมให้เข้ากัน
ในเวลาที่บริโภค

4. รสชาติเป็นอย่างไร รับประทานยากไหม?

  • ผลิตภัณฑ์ Vitabaum เป็นวิตามินที่ทานในรูปแบบของเหลว มีการใช้สารแต่งกลิ่นและรสจากธรรมชาติ เพื่อให้ง่ายต่อการ
รับประทาน แต่หากคุณเป็นผู้ที่ไวต่อกลิ่น อาจได้กลิ่นของวิตามินในขณะรับประทาน

5. ผลิตภัณฑ์เคลมว่าไม่ใส่น้ำตาลแล้วได้รสชาติหวานจากอะไร?

  • ผลิตภัณฑ์ของ Vitabaum ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ผลิตภัณฑ์จึงมีรสชาติหวาน ซึ่งสารให้ความหวานที่ใช้ใน
ผลิตภัณฑ์มีดังนี้ Sucralose, Acesufame K และ Steviol โดยปริมาณที่ใส่เป็นปริมาณที่น้อยมาก ไม่สามารถส่งผล
ข้างเคียงได้ แต่หากผู้บริโภคมีอาการแพ้สารให้ความหวานอยู่แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

6. ผู้ที่เป็นเบาหวานสามารถบริโภคได้หรือไม่

  • ผลิตภัณฑ์ Vitabaum เป็นวิตามินที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ได้แก่ Sucralose, Acesufame K และ Steviol ซึ่งเป็นสารให้ความหวานประเภทไม่ให้พลังงานหรือให้พลังงานต่ำ ซึ่งผู้ที่เป็นเบาหวานสามารถบริโภคได้ แต่อย่างไรก็ตาม
ผู้ที่เป็นเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

7.ทำไมวิตามินถึงถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว?

  • วิตามินสามารถแบ่งได้ 2 ชนิด เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและวิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามินในผลิตภัณฑ์ของ Vitabaum ผ่านเทคโนโลยี Microencapsulation ที่ช่วยทำให้โมเลกุลของวิตามินเล็กลงและมีสารห่อหุ้มช่วยป้องกันสภาวะที่อาจทำให้
วิตามินเสื่อมคุณภาพ วิตามินที่ละลายน้ำอย่างเช่น วิตามินบีหรือวิตามินซี เมื่อถูกผสมกับส่วนของเหลวจะละลายได้ดี และเนื่อง
ด้วยมีโมเลกุลที่เล็กมากเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะถูกดูดซึมได้ทันทีตั้งแต่ในช่องปาก ส่วนวิตามินที่ละลายในไขมันเช่น วิตามินดีหรือวิตามินเอ จะถูกห่อหุ่มด้วยเทคโนโลยี Microencapsulation ทำให้ไม่ถูกทำลายก่อนไปถึงลำไส้เล็ก ที่ซึ่งวิตามินที่ละลายในไขมันถูกดูดซึมได้ดีที่สุด

8. ทำไมผลิตภัณฑ์ของ Vitabaum ถึงมีราคาแพงมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

  • Vitabaum ใช้วัตถุดิบจาก DSM ซึ่งเป็นบริษัทวัตถุดิบระดับพรีเมียมระดับโลกที่มีประวัติยาวนานถึง 120 ปี
  • ผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีสารเพิ่มปริมาณที่ใช้ในวิตามินชนิดเม็ด (ซิลิคอนไดออกไซด์ แมกนีเซียมสเตียเรต HPMC คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส ฯลฯ)
  • Vitabaum เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับใบรับรอง Vegan จากประเทศเยอรมนี ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์และไม่ทดลองในสัตว์
  • Vitabaum เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตของเยอรมนี ด้วยการใช้ “Two chamber system” ซึ่งผู้บริโภคจะได้
สัมผัสกับอาหารเพื่อสุขภาพในรูปแบบใหม่

9. สามารถทานได้กี่ขวดต่อหนึ่งกล่อง (30 ขวด)

  • หนึ่งหน่วยบริโภคของ Vitabaum คือ 1 ขวดต่อวัน หากคุณรับประทานวันละ 1 ขวด คุณสามารถรับประทานได้ต่อเนื่อง
30 วัน

10. สามารถบริโภคได้ตั้งแต่อายุเท่าใด?

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Vitabaum Thailand มี 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่

  • Multivitamin MaX D3
  • I-support
  • B-complex

เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป

11. Vitabaum B-Complex มีวิตามินบีครบทั้ง 8 ชนิด  เป็นไปได้ไหมที่จะบริโภคในปริมาณ
ที่มากเกินไป?

  • ทุกผลิตภัณฑ์ของ Vitabaum มีปริมาณส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุตามที่ Thai RDI แนะนำ (ปริมาณสารอาหารที่
แนะนำให้บริโภคต่อวัน สำหรับคนไทย)  ดังนั้นการบริโภคปริมาณ 1 ขวดที่แนะนำต่อวันจะไม่มากเกินไป
  • วิตามินสามารถแบ่งได้ 2 ชนิด เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและวิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามินบีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ซึ่งวิตามินที่ละลายในน้ำจะไม่สะสมในร่างกายและขับออกได้ง่าย จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเมื่อบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป และเนื่องจากถูกขับออกนอกร่างกายได้ง่ายจึงขาดได้ง่ายเช่นกัน จึงจำเป็นต้องได้รับอย่างสม่ำเสมอ

12. ต้องรับประทานวิตามินนานเท่าใดจึงจะเห็นผล?

  • เนื่องจากเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพไม่ใช่ยารักษาโรค จึงไม่มีข้อจำกัดหรือระยะเวลาที่แนะนำในการบริโภค
  • Vitabaum เป็นอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งคาดว่าจะช่วยบำรุงสุขภาพได้ โดยการเติมเต็มสารอาหารที่มักจะขาดใน
ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ระยะเวลาในการเห็นผลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แนะนำให้รับประทานอย่างสม่ำเสมอ

13. รับประทานวิตามิน 3 ผลิตภัณฑ์พร้อมกันได้ไหม?

ผลิตภัณฑ์ของ Vitabaum มีส่วนผสมและปริมาณสารอาหารที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์และช่วงเวลา
ในการรับประทาน แต่ละผลิตภัณฑ์มีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทานต่างกัน

  • B-Complex มีวิตามินบีถึง 8 ชนิด ดังนั้นควรรับประทานก่อนอาหารเช้า
  • I-Support ควรรับประทานหลังอาหารเช้า
  • Multivitamin max D3 ควรรับประทานหลังอาหารเช้าหรือกลางวัน

คุณสามารถเลือกรับประทาน Vitabaum ทั้ง 3 ประเภท ได้ตามช่วงเวลาที่แนะนำและตามความต้องการ หากมีคําถามเพิ่มเติม
เรื่องวิธีการรับประทานสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ

14. เมื่อร่างกายรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย ควรรับประทานวิตามินอะไร?

  • แนะนำเป็น B-complex วิตามินบีเป็นสารอาหารที่เรียกว่าวิตามินเพิ่มพลังงานมีทั้งหมด 8 ชนิด วิตามินบีไม่เพียงแต่ช่วยลด
ความเหนื่อยล้าเท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องการผลิตเม็ดเลือด แบ่งเซลล์ เผาผลาญโปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรต เพื่อเป็น
พลังงานต่อร่างกาย